“ประเทศจีนมีอะไรมากกว่าที่เราคิด”

1

 

คำพูดของแม่ประโยคนี้วนอยู่ในสมองของเรามานาน จนในที่สุดวันนี้ก็ถึงเวลาที่จะได้ไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง
เราเลือกไปเมืองฮาร์บิ้น เมืองที่ได้กิตติศักดิ์เลื่องลือว่า “โคตรหนาว” แต่เชื่อเราเถอะ ถ้าผิวหนังเราทนกับแสง
แดดร้อนนรกของประเทศไทยได้ เราก็จะทนกับความหนาวของฮาร์บิ้นได้เช่นกัน …

ฮาร์บิ้นเป็นเมืองที่ผสมผสานความเป็นจีนและรัสเซียเข้าด้วยกันได้ดี สถาปัตยกรรมหลายอย่างได้อิทธิพล
มาจากรัสเซีย ทำให้บางทีเราจะเห็นโบสถ์ที่เหมือนกับของรัสเซีย เห็นโรงเรียนที่เหมือนตึกประเทศจีน แต่บางมุม
ของเมืองนี้ที่มีตึกสูงเยอะๆก็ให้ฟีลลิ่งเหมือนอยู่ในอเมริกาเบาๆเหมือนกัน ซึ่งมันเท่มากเวลาอัพลงไอจีอวดเพื่อน

 

2

(St.Sophia Church ข้างในเป็น Art Gallery สวยมากๆ)

เราใช้ชีวิตอยู่ที่ฮาร์บิ้นเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ฟังดูเหมือนน้อยแต่ที่จริงแล้วได้อะไรกลับไปเยอะมาก
ทั้งในเรื่องของการใช้ชีวิต การเรียนรู้ วัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์ของชาวจีนต่างๆ หลายคนคงเกิดคำถามในใจว่าไป
เรียนเดือนนึง มันได้อะไรกลับมาจริงเหรอ ?
ให้ตอบตามตรง คือ ได้นะ (ถ้าไม่ขี้เกียจ 5555)

เราเป็นคนนึงที่เรียนภาษาจีนมานานแต่ไม่เคยได้ใช้ภาษาจีนจริงจังเลยสักครั้ง การมาจีนในครั้งนี้ทำให้
เราได้ลองใช้จริงๆ การฟัง การพูด รวมถึงการเขียนเราพัฒนาขึ้นเยอะมาก มหาวิทยาลัยที่เรามาเรียนคือ Harbin Engineering University [HEU] เป็นมหาลัยที่ใหญ่มากกกกและสวยมากกกกก ความน่ารักของที่นี่ต้องยกให้
เพื่อนชาวต่างชาติและอาจารย์เลย อาจารย์ที่นี่มีความเป็นกันเองสูง สอนดีและเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดง
ความคิดเห็นเสมอ ในห้องจะชอบมีกิจกรรมให้ทำอยู่เรื่อยๆ และมันก็มีอะไรฮาๆตลอด ทำให้ไม่รู้สึกเกร็ง
เวลานั่งเรียน และเพื่อนร่วมห้องที่มาจากหลายประเทศ เช่น เกาหลี รัสเซีย ฯลฯ ก็นิสัยดีมาก พวกเรามักจะไป
เฮฮาปาร์ตี้ บางครั้งก็ออกไปกินข้าวด้วยกัน หรือไม่ก็จัดปาร์ตี้กันเล็กๆที่ห้องทำให้เราได้พัฒนาภาษาจีนกัน
อีกด้วยเพราะเราจะอยากเมาท์มอยกับเพื่อนๆ

ส่วนเรื่องมหาวิทยาลัย(รวมถึงหอพักและการเดินทาง) ทาง Summerjeen จะเป็นคนดำเนินเรื่องให้ทั้งหมด
ซึ่งสะดวกสบายมาก เราก็มีหน้าที่แค่พาตัวและหัวใจให้ไปเรียนทันเวลาเท่านั้น ซึ่งชั้นเรียนจะแบ่งออกเป็นตาม
ระดับที่เราสอบได้ และถ้าลองไปเรียนดูแล้วรู้สึกว่ามันยากไปหรือง่ายไปก็ขอย้ายห้องได้ วิชาเรียนก็จะมีการฟัง การพูด การอ่าน ฯลฯ ตอนแรกเราก็กังวลว่าจะเรียนตามเพื่อนทันมั๊ย แต่ปรากฏว่าพอลองกลับมานั่งทบทวน
และตั้งใจฟังที่อาจารย์พูดดูแล้วก็รู้สึกว่ามันเริ่มชินไปเองจนในที่สุดก็ปรับตัวได้

 

4

สภาพแวดล้อมมหาวิทยาลัยนี่อยู่ได้แบบไม่ต้องกลัวอดตาย ทั้งร้านอาหารที่มีเยอะอย่างกับดอกเห็ด ร้านขายยา ซูเปอร์มาร์เก็ต เบเกอร์รี่ ร้านขายซิมโทรศัพท์ ร้านขายหนังสือ แถมข้างๆมหาลัยก็ยังมีห้างสรรพสินค้า
ตลาดและแมคโดนัลด์อีกด้วย คือ มาเรียนที่นี่ไม่ต้องอดตาย ชีวิตอุดมสมบูรณ์มากถึงมากที่สุด ต่อให้ไม่ออกไป
กินข้าวข้างนอกเดี๋ยวก็จะมีเพื่อนข้างห้องมาเคาะประตูชวนให้ไปกินข้าวด้วยกันอยู่ดี (และนี่คือความดีงาม 555)

หอพักในมหาวิทยาลัยที่นี่ถือว่าโอเคมาก เป็นหอพักนักศึกษานานาชาติโดยเฉพาะ แยกเป็นห้องเดี่ยว ใน
ห้องนอนจะมีห้องน้ำในตัวอยู่ด้วย จุดนี้เราชอบมากๆเพราะไม่ต้องมาคอยระแวงสิ่งเซอร์ไพรซ์จากการเข้าห้องน้ำ
แถมยังมีทีวี ตู้เย็น ตู้กดน้ำในห้องอีกต่าง แถมในหอพักจะมีห้องครัวเอาไว้เผื่อทำอาหาร มินิมาร์ทอยู่ชั้นล่าง และห้องโถงใหญ่ๆอีกด้วย ส่วนใครที่พูดภาษาจีนไม่เก่งก็ไม่ต้องห่วงเพราะเจ้าหน้าที่คุมหอบางคนก็สามารถพูด
ภาษาอังกฤษได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่เราปลื้มมากสุดกับหอพักนี้คือป้าแม่บ้านที่นี่ คือ พวกนางเจ๋งและใจดีมาก นาง
สามารถปืนหน้าต่างเหยียบตู้เสื้อผ้าประหนึ่งตัวเองเป็นสไปเดอร์แมนเพื่อขึ้นไปติดผ้าม่านให้ วันไหนไขประตูไม่
ออกป้าแม่บ้านก็จะมาช่วย แถมช่วงแรกๆป้ายังเข้ามาช่วยสอนเราใช้เครื่องซักผ้าอีกด้วย บอกเลยว่าป้าแม่บ้าน
ที่นี่ทำงานได้ถวายชีวิตสุดๆ ปลื้มมาก นี่ถ้าเป็นผู้จัดการหอพักจะแจกโบนัสให้ทุกปีเลยอะ 555555

วันเสาร์อาทิตย์ถ้าว่างเรามักจะออกไปเที่ยวข้างนอกกัน แต่สถานที่ที่เราชอบมากที่สุด คือ ถนนจงยาง กับ
ตลาดนัดกลางคืน แนะนำว่าถ้าคนมีคู่ หรือแอบชอบเพื่อนในห้องให้ชวนไปถนนจงยางเพราะมันเหมาะกับการสวีท
มาก แล้วถ้าไปตอนกลางคืนจะยิ่งทวีคูณความโรแมนติกเข้าไปอีก รอบๆถนนจะเปิดเพลงเพราะ มีร้านค้าน่ารักๆ
หลายร้าน ทั้งร้านของกิน ร้านเสื้อผ้า(แต่เน้นเสื้อผ้ามากกว่า) แถมไฟที่ติดตามถนนอีก ที่ขัดตาขัดใจมากสุดคงเป็น
คู่รักที่มาเดินกุมมือกันตามถนนอะ เห็นแล้วอิจฉาตาร้อนมากจนอยากจะไปคว้าหนุ่มแถมนั้นมาเดินด้วย ใครเป็นสายเหงารักเขาแต่เขาไม่รักแนะนำให้ไปแวะเข้าร้านขายของไปดูของน่ารักบ่อยๆแก้หมั่นไส้พวกคู่รักมุ้งมิ้ง 555555

 

5

(ถนนจงยาง)

ส่วนใครเป็นสายเปลี่ยวชอบโซโล่ของกินตลาดกลางคืน คือทางออกของคุณ จริงๆมีหลายที่ แต่ที่แนะนำ
มากที่สุด คือ ถนนเสียฟู่ลู่กับเฮยหลงต้า ทริปนี้สายกินล้วนๆ ไม่มีกุมมือมีแต่กุมของกิน มีของกินให้เลือกเยอะมาก
แต่ที่เฮยหลงต้าจะมีขายพวกเสื้อผ้ากับของใช้ด้วย ซึ่งราคาไม่แพงและถูกมากถ้าเทียบกับที่ไทย แถมแม่ค้าก็ปาก
หวานมาก เผลอเป็นไม่ได้ชวนซื้อของแล้วพอลองใส่ก็ชมว่าสวยตลอด จุดนี้ต้องใจแข็งนะเพราะพวกนางก็ชมทุก
คนว่าสวยหมด(ถึงแม้ว่าเราจะสวยจริงๆก็ตาม) ขืนเชื่อมากๆเดินเพลินถึงท้ายซอยรู้ตัวอีกทีเงินหมดกันพอดีนาจา

เรื่องของค่าครองชีพที่นี่ก็ไม่ต้องห่วงเพราะว่าที่นี่ค่าครองชีพไม่ค่อยแพงเท่าไหร่ อยากรถเมล์หรือรถไฟใต้
ดินที่นี่ก็ถูกมาก ค่อนข้างครอบคลุมและปลอดภัยไม่สกปรกเท่าไหร่ ทำให้เดินทางสะดวก แท๊กซี่ก็มีเยอะ หรือจะ
เดินไปก็ได้เพราะที่นี่อากาศเย็นเลยทำให้เดินชิลหลายกิโลเมตรไปได้เรื่อยๆทั้งวัน

สุดท้ายนี้ใครยังไม่เคยมาประเทศจีนแนะนำว่าให้ลองมาสักครั้งแล้วจะติดใจ ประเทศจีนไม่ได้แย่อย่างที่คิด
ถึงแม้คนจีนจะชอบทำอะไรฮาร์ดคอไปบ้างแต่ในความฮาร์ดคอมีความมุ้งมิ้งซ่อนอยู่เสมอ โดยเฉพาะคนที่ฮาร์บิ้น
ทำเราประทับใจมากๆ คือ พวกเขามีน้ำใจชอบช่วยเหลือสุดๆ บางทีเราไม่จำเป็นต้องเข้าไปขอเลยถ้าเขาเห็นเราลำ
บากยืนทำหน้าเอ๋อๆอยู่เขาก็จะเดินมาช่วยทันที คือ ประทับใจมากแล้วก็ขอขอบคุณ Summerjeen ด้วยที่ทำได้
ประสบการณ์ดีๆ ความทรงจำที่สนุกสนานแบบนี้และคอยให้คำปรึกษาช่วยเหลืออยู่เสมอ

 

%d bloggers like this: